อะไรคือ คีย์เวิร์ดนิช (Niche, Long tail)

บทความนี้ผมจะขอย้อนกลับไปพูดในเรื่องที่เบสิคสุดๆกันบ้างนะครับ มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนๆหนึ่งในการทำเงินบนโลกออนไลน์เลย นั่นคือ niche (นิช), keyword niche หรือตลาด Long tail ไม่ใช่เรื่องปาลูกดอกนะครับ


ถ้าพูดถึงคีย์เวิร์ดในแง่ของคนที่ไม่มีสินค้าและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มทำเว็บไซต์มุ่งไปที่คีย์เวิร์ดอะไรดี ก็ต้องเริ่มขบวนการๆหาคีย์เวิร์ดนิช (Niche) หรือที่เรียกว่าเป็นวงการๆตลาดเรียกกันว่าเป็นตลาด “Long Tail” ที่เป็นตลาดเจาะจงเข้าไป พูดอีกอย่างคือเป็นตลาดที่อาจเรียกได้ว่าตกสำรวจหรือตลาดที่มีคู่แข่งน้อยที่สุดเท่าที่จะพอหาได้ เพื่อการทำ Ranking ที่ไม่ยากจนเกินไปนัก การเลือกนิชก็ไม่ต่างอะไรกับการเล็งเป้าหมายไปยังจุดเล็กๆของลูกค้ากลุ่มใหญ่ๆเลยครับ ยิ่งคุณเล็งเป้าได้ให้เล็กแบบเป็นผงฝุ่นได้เท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นเท่านั้นเอง..


อย่าลืมว่าถ้าคุณเลือกนิชที่เป็นตลาดใหญ่ๆ คำกว้างๆ หรือเป็นแค่คีย์เวิร์ดเฉยๆ อย่างเช่น Windows XP, Finance, Business ฯลฯ คู่แข่งก็ย่อมมาก และทำ Ranking ได้ยากกว่าการที่จะเลือกนิชเล็กๆแบบเจาะจงตลาดเข้าไปอีกอย่างเช่น “how to fix Windows XP annoyances” หรือ “financial in Boston” อย่างแน่นอน ผมมองเรื่องนี้เหมือนกับการจะยอมเป็นหัวสนัขหรือหางสิงโตนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าการทำ Ranking นั้นการเป็นหางสิงโต คุณจะแทบไม่ได้อะไรจากมันเลย มันไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไหร่เลยกับการเลือกคีย์เวิร์ดกว้างที่มีคู่แข่งมากเพียงเพื่อให้ได้ติด Index ในหน้า SERP ในหน้าที่ 150 ใครล่ะจะหาเว็บไซต์ของคุณได้เจอได้จาก Google ได้บ้างถ้าอยู่ในหน้าหลังๆขนาดนั้น


ดังนั้นเวลาคนค้นหานิชกันส่วนใหญ่จะตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น คุณอาจจะอยากทำตลาดเกี่ยวกับการซื้อคอมพิวเตอร์ (computer buyer guide) ซึ่งยังเป็นคีย์เวิร์ดธรรมดาๆอยู่ ถ้าจะให้มันเป็นนิช คุณก็ต้องถามตัวเองต่อไปว่า คอมพิวเตอร์นั้น เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดไหน โอเค ตกลงว่าเป็น โน็ตบุ้ค จากนั้นถามต่อเพื่อให้เป็นนิชมากขึ้นไปอีก ถามว่า แล้วโน็ตบุ้คนั้นสำหรับคนประเภทไหน คุณอาจตอบว่า สำหรับผู้หญิงทำงาน และถ้าอยากให้เป็นนิชมากขึ้นไปอีก คุณก็สามารถถามคำถามเจาะจงแบบนี้เพิ่มไปเรื่อยๆได้อีกมากมาย ยิ่งมันนิชมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีคู่แข่งน้อย และทำให้ทำ Ranking ได้ง่ายเท่านั้น จากคีย์เวิร์ด “computer buyer guide) หลังจากถามคำถามเจาะจงเข้าไปอย่างที่ยกตัวอย่างไป ก็อาจจะได้เป็นนิช “working women notebook buyer guide” เห็นไหมครับว่ามันเป็นนิชที่เจาะจงขึ้นมาทีเดียว


ที่มา digitalmoneylife.com

ทำไมทำ AdSense ไม่เคยได้เงินเลย

"คำถามนี้ใครๆก็ต้องเคยสงสัย ผมเองก็เคยสงสัย และสงสัยอยู่เป็นปี แต่ก็ได้คำตอบในที่สุด ที่กว่าจะได้มาก็ต้องแลกกับเวลาและความพยายามค่อนข้างมากทีเดียว

สิ่งแรกเลยที่เป็นปัญหาของคนไทยที่ทำ AdSense แล้วไม่ได้เงินคือ การเลือกคีย์เวิร์ดผิดๆ เลือกคีย์เวิร์ดที่ค่าคลิกน้อย แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความอดทนที่มีน้อย และใจร้อนเกินไป คนส่วนใหญ่จะชอบคิดไปว่าการหาเงินทางเน็ตนั้นจะต้องเป็นอะไรที่เร็วทันใจ ทำวันนี้ได้อาทิตย์หน้าอะไรอย่างนี้ ซึ่งนั่นเอง ผมว่าถ้าขายของออนไลน์ก็ไม่แปลกหรอกครับ ถ้ารู้ว่าจะขายอะไรแล้วขายได้ ก็จะได้เงินเร็วแน่นอน แต่ไม่ใช่ AdSense แน่นอน แม้เว็บปั่นก็ตามยังต้องรอเป็นเดือนเลยกว่าจะเห็นผลที่น่าพอใจแบบเป็นรูปธรรมจริงๆ

เรื่องสุดท้ายที่เห็นบ่อยที่สุดก็คึือ ปิดเว็บเร็วเกินไป พอไม่เห็นคลิกเพียงไม่กี่เดือน ก็ปิด เลิกทำกันไปเลย มันเร็วไปครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องรอซักปีหนึ่ง และช่วงเวลาที่รอนั้นก็โปรโมทมันเข้าไป เหลือเวลาก็ทำเว็บที่อื่นอีกได้ เอาบทเรียนจากเว็บแรกมาทบทวนดู เพราะเท่าที่ผมดูฝรั่งส่วนใหญ่ที่ทำเงินได้มากมายกับวงการ PPC ก็ล้วนแต่ใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีทั้งนั้น ในการทำสิ่งเดิมๆไปเรื่อยๆ นั่งโพสไปอาทิตย์ละโพสสองโพส จนบล็อกมีคนติดเอง ก็ไม่เคยซักทีที่เห็นบล็อกไหนเกิดมาได้ 2-3 เดือนแล้วทำเงินได้วันละเป็นร้อยเหรียญ แต่ก็นั่นแหละครับ เขาเขียนภาษาอังกฤษได้ ไม่เหมือนเราๆท่านๆส่วนใหญ่

แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องบทความต่างๆ ผมก็คิดว่าทางออกที่ดีที่สุดในการทำเงินกับ PPC อย่าง AdSense ก็คือการทำเว็บไดเร็คทอรี่ซะเอง แค่หาคีย์เวิร์ดมา วงการที่ไม่เกร่อนัก แต่มีค่าคลิกไม่ต่ำว่า 1 เหรียญนะ ต่ำกว่านั้นผมว่าเสียเวลามากไปในการรอ ปกติก็รอแย่แล้วกว่าจะได้คลิก จากนั้นรวบรวมลิงก์มาให้ได้มากที่สุด แล้วก็เอา ad วางให้กลมกลืนกับลิงก์ที่ว่า จากนั้นก็ฝากลิงก์และโปรโมท โดยไม่ต้องพึ่งบทความอะไรเลย ผมเห็นมีคนไทยทำแบบนี้ ได้เดือนละหลายหมื่นบาทก็มีครับ เป็นไปได้ทีเดียว เก็บไว้เป็นออฟชั่นแล้วกันครับ ในการทำเว็บหากินกับ PPC ครั้งหน้า"

ที่มา naitam.com

สร้างแบรนด์ด้วย Twitter

คิดว่าคุณผู้อ่าน POSITIONING คงรู้จักหรือใช้งาน Twitter กันอยู่บ้างแล้วนะครับ ระยะนี้กระแสของการอัพเดตว่า “เรากำลังทำอะไรอยู่” ผ่านทางเครื่องมือที่เรียกกันว่า Micro-blogging อย่าง Twitter, Plurk, Dipity, Yammer (เน้นใช้ในองค์กร) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ต้องยกเครดิตให้ต้นไอเดียคือ Twitter ด้วยเจ้าตัว Micro-blogging นี่เองที่ทำให้เราสามารถสื่อสารกับคนรอบตัวได้ลึกมากขึ้น ลึกยังไง ลองนึกภาพตามนะครับ

ทุกวันนี้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนกับแฟนกันได้หลายทาง จะใช้อีเมล จะเขียนบล็อก หรือจะโทรศัพท์ไปก็ทำได้หมด แต่ว่ามันมีช่องว่างในการสื่อสารอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ว่า เราคงไม่เมลไปบอกเพื่อนเราแน่ๆ ว่า “ตอนนี้กินกาแฟอยู่” “ตอนนี้นั่งรอลูกค้าอยู่” เพราะเพื่อนอาจจะงงว่าเราจะส่งไปทำไม และตรงนี้เองที่ Micro-blogging อย่าง Twitter เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารในชีวิตประจำวันของเรา มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการส่งข้อความไม่เกิน 140 ตัวอักษรนี่เอง

ทุกวันนี้มีคนใช้ Twitter ทั่วโลกนับล้านราย ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารในแบบเฉพาะทาง และด้วยความแตกต่างตรงนี้นั่นเองที่ทำให้นักการตลาดหลายคนสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือในการทำการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าและบริการของตัวเองได้ แต่การสร้างแบรนด์ผ่านทาง Twitter นั้นจำเป็นที่จะต้องเข้าใจธรรมชาติของมันสักนิดนึงก่อนว่า

Twitter ค่อนข้างเป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล ทำอะไรในรูปแบบของบริษัท ที่ดูเป็นงานเป็นการจะไม่ค่อยเวิร์ค อีกทั้งมันยังมีสไตล์ที่ค่อนข้างเป็นกันเอง ง่ายๆ เหมือนภาษาพูดคุยกับเพื่อน การสร้างแบรนด์ด้วย Twitter ที่น่าสนใจจึงมีอยู่ประมาณ 5 แบบ

1. แจ้งข่าว ถ้าหากว่าบริษัทของเรากำลังมีข่าวอะไรจะอัพเดตกับคนทั่วไป ก็ใช้ Twitter แจ้งข่าวได้ครับ ถ้าคนที่สนใจในสินค้าและบริการของเรา เขาอยากติดตามเราอยู่แล้ว การแจ้งข่าวแบบนี้ควรทำให้บ่อยหน่อย อย่างน้อยก็วันละครั้ง เพื่อให้สมาชิก Twitter รู้สึกได้ว่าคุณมีความเคลื่อนไหว แต่การแจ้งข่าวก็ต้องเป็นข่าวที่กระทบในระดับบุคคลสักหน่อยนะครับ เช่นมีสินค้าใหม่ออกแล้ววางขายที่ไหน อันนี้พอได้ แต่ถ้าข่าวประเภทโฆษณาชวนเชื่อ หรือออกแนว PR แบบเก่าๆ อันนี้ไม่เหมาะครับ

2. Customer Support บางทีการตอบคำถามลูกค้าก็ช่วยในการประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดีนะครับ อย่างเช่นถ้าหากว่าเราเป็น Home Depot แล้วเราเข้าไปใน Twitter เปิดให้คนถามเรื่องการซ่อมแซมบ้านทำอย่างไร เราก็เข้าไปตอบคำถามลูกค้า เช่น ลูกค้าถามว่า “ประตูห้องน้ำเสียจะแก้ไขเบื้องต้นยังไงได้บ้าง” เราก็ตอบคำถามลูกค้าทางนี้พร้อมกับลิงค์ภาพและวิธีการซ่อมแซมประตูในเว็บของเราทาง Twitter นอกจากจะแก้ปัญหาให้ลูกค้าจนพอใจได้แล้ว ลูกค้ายังอาจติดต่อเราเพื่อซื้อสินค้าของเราเพิ่มเติมอีกก็ได้ อันนี้ที่อเมริกาเขามีอยู่จริงๆ นะครับ ลองเข้าไปดูกันได้ที่ http://twitter.com/TheHomeDepot

3. Feedback บางทีถ้าหากว่าเรานั่งรอลูกค้าโทรมาหาเราอย่างเดียวทางโทรศัพท์ก็พอได้นะครับ แต่จะดีมากถ้าหากว่าเรามีทีมงานที่คอยตอบ คำถามลูกค้าแบบสั้นๆ ง่ายๆ ทาง Twitter ที่ตอบได้เลยทันที ไม่ต้องให้ลูกค้าต้องมานั่งคอยเรา หรือนั่งฟังเครื่องตอบรับ “กดหนึ่งเพื่อเลือกบริการ กดสองตามด้วยเครื่องหมายดอกจัน” อันนี้เห็นบางบริษัทในเมืองไทยทำกันแล้ว

4. มี Special Offer ให้บ้าง ถ้าหากว่าบังเอิญคุณมีอะไรพิเศษ เช่น ลดราคาสินค้าพิเศษ (จริงๆ นะครับ ไม่ใช่ลดกันทุกเดือน) ที่เราคิดว่าน่าจะแรงพอที่คนจะสนใจและตัดสินใจทันที เช่นลด 70% ล้างสต๊อก หรือรับสิทธิ์จอง iPhone ก่อนใคร แบบนานๆ ที แล้วลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับเขาจริงๆ ไม่ใช่สักแต่โฆษณา

5. ข้อความบ้าๆ ส่งข้อความที่ทำให้สนุกและเป็นกันเองเข้าไว้ อาจไม่ต้องเกี่ยวกับสินค้าและบริการของเราเลยก็ได้ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านเราค่อนข้างเรียกร้องความเป็นกันเองสูงมากกว่าประเทศอื่นๆ ถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นคนไทย อันนี้ขอแนะนำครับว่าบางทีมันต้องมีลูกบ้ากันบ้างครับ

อย่างผมเองปกติเคย “Tweet” แต่เรื่องของบริษัทวันนึงพอเปลี่ยนมาเป็นเรื่องการ์ตูนที่พนักงานที่บริษัทดูกันตอนพักเที่ยง ปรากฏว่ามีคนสนใจเพียบเลย ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับสินค้าและบริการเลยแต่ลูกค้าจะรู้สึกได้ว่าเรามีชีวิตจิตใจ มีลูกบ้า และที่สำคัญเขาอาจรู้สึกว่าเราเข้าถึงได้ง่าย ไม่ได้อยู่ในแบบของการพูดคุยกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท แต่เขากำลังคุยกับคนคนนึงที่มาจากบริษัทนี้ และคนคนนี้ก็เป็นคนธรรมดา

แต่ท้ายที่สุด Twitter ก็เป็นเพียงเครื่องมือในการสื่อสาร หัวใจสำคัญของการสื่อสารอย่างไรก็ยังเป็นเรื่องของเนื้อหาที่เราต้องการ เราต้องทำความเข้าใจกับธรรมชาติของมันเท่านั้นเอง สำหรับบริษัทที่เน้นเรื่องความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่เคร่งขรึม Twitter ก็อาจจะไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับเราก็ได้ครับ อันนี้ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

กรณีศึกษา Starbucks http://twitter.com/starbucks

ที่ Starbucks ในอเมริกาจะมีพนักงานคอยตอบคำถามลูกค้าอยู่ โดยทางบริษัทจะใช้ Twitter เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงลูกค้าอีกทางหนึ่ง เพราะมีทีมงานอยู่แล้ว ก็เพียงจัดเอาพนักงานบางส่วนมาคอยตอบคำถามทาง Twitter เพิ่มเติม โดยพนักงานของ Starbucks จะมีวิธีการตอบ รวมถึงการชวนลูกค้าคุยว่า ส่วนตัวแล้วเขาชอบดื่มกาแฟแบบไหน ใส่กาแฟกี่ช้อน ทำงานสาขาอะไร ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ในหน้าโปรไฟล์มันจะดูออกเป็น Corporate แต่ถ้าเราคุยแบบเป็นกันเอง ดูสบายๆ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดี ความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ก็จะสอดคล้องกับที่ Starbucks วางไว้คือ สบาย รีแลกซ์ เป็นกันเอง เหมือนลูกค้าคุยกับคนนะครับ ไม่ได้คุยกับหุ่นยนต์
นอกจากนี้ทาง Starbucks ยังเปิด Twitter Account อีกอันเพิ่มที่ชื่อว่า http://twitter.com/MyStarbucksIdea ที่ใช้สำหรับให้ลูกค้าเสนอฟีดแบ็กเข้ามา ส่งลิงค์ไปที่ http://mystarbucksidea.force.com เว็บที่ลูกค้าสามารถร่วมกับบริษัทในการปรับปรุงบริษัทอีกด้วย

Tips & Tricks
- คำนึงถึงคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ของเราให้ดีว่าเราเหมาะจะใช้ Twitter หรือไม่ สินค้าบางอย่างอาจจะเหมาะกับ Twitter อย่างเช่น เราเป็นสปา เพราะเน้นการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง สบายๆ ให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายกับแบรนด์
- ใช้สีแบ็กกราวนด์ของหน้า Twitter ของเราให้สอดคล้องกับสีของแบรนด์เรา
- สร้างลิงค์จากหน้าโปรไฟล์ไปที่เว็บไซต์ของเรา เพราะมันคือการโฆษณารายละเอียดของสินค้าและบริการของเราแบบไม่ยัดเยียด
- พยายามอย่าส่งข้อความอะไรที่ไม่มีประโยชน์ต่อคนอ่าน ยกเว้นว่าคุณต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในแบบที่คุณต้องการให้เป็น
- สื่อสารด้วยภาษาพูด อย่าใช้ภาษาทางการแบบ Corporate


จักรพงษ์ คงมาลัย
Positioning Magazine เมษายน 2552

เกี่ยวกับผู้เขียน จักรพงษ์ คงมาลัย อดีตคนข่าวจาก manager.co.th และเว็บนิตยสารในเครือผู้จัดการอย่าง marsmag.net ที่ผันตัวเองเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตด้วยการสร้างเว็บไซต์คนไทยในต่างแดนทั้งในออสเตรเลียและสิงคโปร์ เคยร่วมพัฒนาสมุดหน้าเหลืองออนไลน์ กับบริษัทเทเลอินโฟ มีเดีย ปัจจุบันจักรพงษ์กำลังสนุกกับการร่วมงานกับบริษัทอินเทอร์เน็ตชั้นนำของโลกอย่าง Yahoo! ในตำแหน่ง Community Manager คุณสามารถติดต่อกับเขาได้ทาง jakrapong.com

Yuwie หาเพื่อน สร้างบล็อก ได้เงิน

Yuwie เป็น website ที่ให้เราสร้าง “ไดอารี่บนอินเตอร์เน็ต” (เรียกอีกอย่างว่า blog บล็อก หรือ space ) Yuwie ให้เรามี blog บล็อก เป็นของตัวเองแถมยังให้เงินเราใช้อีก โดยมีหลักการให้เงินเราดังนี้
ถ้ามีคนเข้ามาดู blog บล็อก ของเรา หรือ เราชวนเพื่อนมาสร้าง blog บล็อก แล้วมีคนเข้ามาดู blog บล็อก ของเพื่อนเรา การเข้ามาดูนี้ 1 Click เป็นเวลา 3 วินาที เราเรียกว่า 1 เพจวิว (Page View) ไม่ว่าจะเข้ามาดูเรา ดูเพื่อนเรา หรือดูคนที่เราแนะนำ จะนับรวมหมด สรุปก็คือไม่ว่าเราทำอะไรก็ตามใน Yuwie เราได้เพจวิวหมด แล้ว Yuwie ก็จะแบ่งรายได้จากการโฆษณาให้เรา โดย yuwie จะจ่ายผ่านเช็ค หรือ paypal หรือ alertpay

หาเงิน หาเพื่อน ดูตัวอย่างบล็อก

วิธีการสมัคร Yuwie

การสมัคร Yuwie จะต้องมีผู้แนะนำ (Upline) เท่านั้น โดยท่านจะต้องขอ link จากผู้แนะนำ




ให้คลิ๊กตาม link ด้านบนและจะเป็นการเปิด website เข้าสู่การสมัคร หน้าต่างแรกที่เข้ามา ให้กดปุ่ม SIGN UP NOW เพื่อทำการสมัคร หลังจากกดปุ่ม SIGN UP NOW แล้ว ให้กรอกข้อมูลทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ (แนะนำว่าให้ใช้ Gmail ในการสมัคร)

เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next จากนั้นจะมีการถามซ้ำว่าคุณแน่ใจนะที่จะสมัครเป็น downline ของคนนี้ ให้กด OK ผ่านไปเลย


จะมีการแสดงข้อมูลอีกครั้งเพื่อความแน่ใจถ้าถูกต้องก็ให้ใส่ Verify Characters ในช่องได้เลย แล้วก็กด Next


รูปนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยหน้านี้เราสามารถปิดไปได้ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไร

หลังจากสมัคร yuwie เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ต้องทำการยืนยัน account
ต่อไปจะเป็นขั้นตอนที่ทาง Yuwie จะส่งข้อความต้อนรับไปให้ทางเมลล์ที่เราสมัครไว้พร้อมกับส่งลิ้งค์ให้เรา activate account (ยืนยันการสมัครสมาชิก)
ให้คุณไปเปิด email เพื่อคลิก activate email ของคุณ

หมายเหตุ สำหรับคนที่ใช้ hotmail ถ้าใน inbox ไม่มีเมลจาก yuwie ส่งมา ให้ไปดูที่ junkmail

** หลังจาก login เข้าไปก็จะเจอกับโฆษณา ซึ่งตรงนี้เราสามารถเลื่อนลงมาเพื่อคลิกปุ่ม skip ข้ามไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องกรอก ให้เข้าไปที่หน้า control panel ที่เราจะใช้ควบคุมทุกอย่างใน blogของเรา จากนั้นก็กรอกProfileของเรา อัพโหลดรูปภาพประจำตัวเรา ตั้งTime zone แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอนแล้วจ้า~~~

**ข้อห้ามที่สมาชิกของ Yuwie ควรปฏิบัติตาม**

1. ข้อมูลใน profile ของสมาชิกห้ามมี นามสกุล, ที่อยุ่, เบอร์โทรศัพท์, ภาพลามกอนาจาร, ความรุนแรง, การยั่วยุทางเพศ และก่อให้เกิดความรำคาญแก่บุคคลอื่นถ้ามีการฝ่าฝืนกฎอาจถึงขั้นสิ้นสุดสถานภาพการเป็นสมาชิก

2. การสมัครเป็นสมาชิก Yuwie สมาชิกต้องกรอกข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง และคนที่จะสมัครสมาชิกได้ต้องมีอายุ 14 ปีบริบูรณ์ สมาชิก 1 คน จะมีเพียง 1 account

3. การโพสต์ข้อความใน Yuwie จะต้องไม่ละเมิดลิขสิทธ์ของบุคคลอื่น ถ้าจะโพสต์ข้อความของบุคคลอื่น ต้องได้รับการอนุญาตจากบุคคลนั้นและมีข้อพึงระวังในการโพสต์ข้อความและรูปภาพดังนี้

-ไม่ควรมีข้อความและภาพที่สื่อถึง ความรุนแรง, ถ้อยคำหยาบคาย, เรื่องเชื้อชาติ, เรื่องลามกอนาจาร, การยั่วยุและคลุกคามทางเพศ, การคลุกคามต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น,นามสกุล ที่อยุ่ อีเมล์ และเวบไซด์เพื่อการพาณิชย์, การเอาโฆษณามาลงและติดต่อซื้อขายภายใน Yuwie

Sharedimages แชร์รูปได้เงิน

เพียงแค่ upload รูปภาพ แล้วให้เพื่อนคลิกดูก็ได้เงินแล้วอัตราการคิดเงินก็ 1500 point / $1สามารถรับเงินได้ 2 ทาง คือ paypal , e-goldหลังจากสมัครแล้วทางเว็บจะให้ $1 ขั้นต่ำในการรับเงิน $5

สมัครฟรี คลิ๊กที่นี่


วิธีการสมัคร





ขอบคุณรูปภาพจาก tocom.co.cc

Linkbucks เปลี่ยน Link เป็นเงิน

LinkBucks คือการเปลี่ยนชื่อลิ้งหน้าเว็บไซต์หรือหน้าบล็อกของเรา ให้เป็นชื่อเวปไซด์ของ LinkBucks(เปลี่ยนชั่วคราวนะไม่ได้เปลี่ยนถาวรไม่ต้องกลัว) แล้วเราก็จะทำการ เผยแพร่ลิ้งไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปตามเวปต่างๆ,เวปบอร์ด,ฯพอคนเข้ามาเวปของเราก็จะต้องดูโฆณาก่อน ยิ่งเข้ามากก็ได้เงินมาก

หลักการทำเงินของ LinkBucks มีด้วยกัน3แบบคือ..
1. Intermission ดูโฆณา 15 วินาทีผ่าน แนะนำให้เลือกครับ 2000 view=1$ (ถ้าไม่อยากดูโฆษณากด skipได้)
2. Top Banner มีแบบนเนอร์เล็กๆขึ้นมาคร่อมหน้าเวปไว้ 4545 view=1$
3. Popup อันนี้มาใหม่ครับ เป็นป๊อปอัฟเด้งขึ้นมา อัตราการจ่าย 2500 view=1$

“ตัวอย่าง” สร้างลิ้งจาก http://thaiblog4biz.blogspot.com
เปลี่ยนแบบIntermission
http://98adec57.linkbucks.com/
แบบ Top Banner
http://3f95fe80.linkbucks.com/
แบบ Pop Up
http://fd6ee09a.linkbucks.com/

Linkbucks จ่ายขั้นต่ำอยู่ที่ $5 โดยกำหนดจ่ายแบบ Instant payout requests ซึ่งก็คือเราทำถึงขั้นต่ำเมื่อไรก็สามารถสั่งจ่ายเงินได้ทันที โดย Linkbucks จ่ายผ่าน Paypal แล้วเราก็จะโอนจาก PayPal เข้าธนาคารในไทยได้ทุกธนาคาร


วิธีการสมัคร(คลิ๊กที่แบนเนอร์ได้เลย)


หรือ คลิ๊กสมัครได้ที่นี่

1.คลิ๊กที่ Sign-up เพื่อเริ่มต้นทำการสมัคร

2. กรอกข้อมูลต่างๆให้ครบ ชื่อล๊อกอิน, รหัสผ่าน, อีเมล, ฯ

3. ระบบจะส่งอีเมลไปให้ท่านเพื่อยืนยัน

4. คลิ๊กลิ้งที่อยู่ในอีเมลจองท่านเผื่อยืนยัน

5. ท่านจะเข้าสู่ระบบและพร้อมที่จะหารายได้กับ LinkBuck แล้ว

วิธีใช้งาน และเริ่มต้นการสร้างรายได้กับ LinkBuck

1. หลังจากที่คุณล๊อกอินเข้ามาแล้ว ให้คลิ๊กที่แถบ Create Links เพื่อเริ่มต้อนสร้างลิ้ง และที่ Create Linksก็จะมีแถบการสร้างลิ้งให้เลือกอยู่3ชนิดคือ Single Links สร้างลิ้งเดี่ยวๆลิ้งเดียว ,Multiple Links สร้างลิ้งหลายๆลิ้งพร้อมกันในทีเดียววิธีทำเหมือนกับ Single Links , Full Page Script ไว้สำหรับสร้างระบบอัตโนมัติให้กับใครที่เข้ามาเยี่ยมชมเวป, บล๊อกของคุณ จะดูรูปจะคลิ๊กลิ้ง หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ โฆณาจะขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

2. คลิ๊กที่แถบ Manage Links เพื่อดูลิ้งที่เราสร้างและเลือกจัดการกับลิ้งต่างๆได้ตามต้องการ

3. คลิ๊กที่แถบ Earnings เพื่อดูยอดเงินรายรับของเราที่เราทำได้จาก LinkBucks และแถบสีส้มใหญ่ๆตรงกลางที่เขียนว่าRequast Payment มีไว้เพื่อกดเรียกรับเงินเมื่อยอดของเราถึงขั้นต่ำที่กำหนดไว้คือ 5$ ครับ

4. แต่ก่อนที่เราจะรับเงินจาก LinkBucks นั้น เราจะต้องเข้าไปกำหนด PayPal Account สำหรับรับเงินก่อน โดยคลิ๊กที่แถบ Update Account ซึ่งอยู่ด้านบนที่ติดกับชื่อของเรา

เพียงแค่นี้เราก็สามรถสร้างรายได้ออนไลน์ได้แล้ว

KBANK Virtual Card บัตรเสมือนบนโลกออนไลน์

การใช้ Virtual Card ของ KBANK ครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นการตัดเงินจากบัญชีธนาคารของคุณเหมือนกับรูปแบบเดิมๆ เนื่องจากรายการบัตรดังกล่าวจะคล้ายกับ Virtual Debit Card มากกว่าที่เป็น Virtual Credit Card กล่าวคือ จะใช้บริการนี้ได้คุณต้องสมัครเป็นสมาชิกของบริการธนาคารออนไลน์หรือ K-Cyber Banking เสียก่อนและยอดเงินที่ใช้จับจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์จะถูกตัดออกจากบัญชีธนาคารของคุณที่พ่วงอยู่ในทันที (ไม่เหมือนกับบัตรเครดิตเสียทีเดียว ซึ่งการตัดเงินบนบัตรจะถูกเรียกเก็บในภายหลัง)

รูปแบบของ Virtual Card นี้ เมื่อคุณสมัครใช้บริการ K-Cyber Banking แล้ว สามารถเลือกออปชั่น “สมัครใช้บริการบัตรเว็บการ์ด” ใน K-Cyber Banking ของธนาคารเองเลยได้ทันที และสามารถตั้งวงเงินค่าใช้จ่ายต่อวันได้เองตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท เลยทีเดียว

วิธีการสมัครใช้บริการ
1.Login เพื่อเข้าสู่บริการ K-Cyber Banking ของธนาคารกสิกรไทย
2.เลือกเมนู “บริการอื่นๆ” ทางด้านขวา และเลือก “สมัครใช้บริการบัตรเว็บการ์ด”
3.เลือกบัญชีที่ต้องการใช้ผูกกับบัตรเว็บการ์ด และระบุวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องการ (ระหว่าง 2,000 – 100,000 บาท) แล้วกด “ต่อไป”
4.กรอกรหัสรักษาความปลอดภัย (PIN 2) ของ K-Cyber Banking แล้วกด “ยืนยัน”
5.ระบบจะแจ้งการทำรายการสำเร็จ และส่ง e-mail แจ้งให้ทราบว่าธนาคารได้รับคำร้องขอสมัครบัตรเว็บการ์ดแล้ว
6.เมื่อธนาคารออกหมายเลขบัตรแล้วก็จะส่ง e-mail แจ้งให้เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดของบัตรได้ที่ K-Cyber Banking
7.เพิ่มความปลอดภัยในการจับจ่ายมากขึ้น ด้วยบริการ Verified by VISA * ข้อมูลจากธนาคารกสิกรไทย
8.เลือกเมนู “บริการอื่นๆ” ทางด้านขวา และเลือก “สมัครใช้บริการบัตรเว็บการ์ด”
9.เลือกบัญชีที่ต้องการใช้ผูกกับบัตรเว็บการ์ด และระบุวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องการ (ระหว่าง 2,000 – 100,000 บาท) แล้วกด “ต่อไป”
10.กรอกรหัสรักษาความปลอดภัย (PIN 2) ของ K-Cyber Banking แล้วกด “ยืนยัน”
11.ระบบจะแจ้งการทำรายการสำเร็จ และส่ง e-mail แจ้งให้ทราบว่าธนาคารได้รับคำร้องขอสมัครบัตรเว็บการ์ดแล้ว
12.เมื่อธนาคารออกหมายเลขบัตรแล้วก็จะส่ง e-mail แจ้งให้เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดของบัตรได้ที่ K-Cyber Banking

Debit Card กับการสมัคร PayPal

สรุปข้อมูลของ Debit Card ที่หลายคนได้ทดสอบ และนำเอาไปใช้แล้ว ดังนี้

-บัตร Virtual Card ของกสิกรไทย หรืออีกชื่อก็ web card บัตรนี้ไม่ใช่ Debit Card ที่เป็นใบจริงเหมือนการ์ดอื่นๆ แต่เป็นเพียง ข้อมูลตัวเลขบัตร 16 หลัก หมายเลข CVV และปีหมดอายุ แจ้งให้กับลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้บริการธนาคารออนไลน์ หรือ K-Cyber Banking เท่านั้น โดยใครจะขอก็ได้ คุณสมบัติก็ไม่มีอะไรมาก คือ ต้องมีบัญชีออมทรัพย์กับทางแบงก์ก่อน แล้วขอสมัครใช้ K-Cyber Banking ด้วย เพราะเมื่อล็อกอินเข้าไปแล้ว คุณสามารถ คลิกขอ Virtual Card ในหน้าเว็บธนาคารออนไลน์ได้เลย (รายละเอียดการสมัคร คลิ๊กที่นี่)

-บัตร Be1st ของธนาคารกรุงเทพ ถือว่าเป็น Debit Card อีกตัวที่มีคนเอาไปใช้ ลองผิด ลองถูก มามาก ล่าสุดผมทดสอบดู โดยลองสมัครใหม่ทั้งของอีเบย์และเพย์พาล ก็ยังไม่เจอปัญหาครับ บัตรนี้คือบัตรจริงๆเหมือนกับบัตร ATM แต่จะมีโลโก้ VISA แปะที่ตัวบัตรด้วย โดยมีทั้งรุ่นที่ไม่มีหมายเลข CVV และมีหมายเลข CVV ออกมา ถ้าเป็นแบบไม่มี CVV แต่ใช้ตัวเลข 000 แทน ก็ยังใช้ได้อยู่

การสมัคร Paypal

การสมัคร Paypal สมัครฟรี แต่ จำเป็นต้องมีเครดิตการ์ด หรือบัตรเว็บการ์ด ในการยืนยันบัญชี สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิต แนะนำบัตรเว็บการ์ด เพราะง่าย และสะดวก ไม่อ้างอิงเงินเดือน บัตรเว็บการ์ด เป็นบริการของธนาคารกสิกรไทย สามารถใช้จ่ายได้ทางเน็ต เทียบกับบัตร วีซ่า การใช้จ่าย กรณีเราซื้อสินค้าทางเน็ต จะหักเงิน จากในบัญชี ไม่ต้องเป็นหนี้เหมือนบัตรเครดิต (รายละเอียดของบัตรเว็บการ์ด)


Sign up for PayPal and start accepting credit card payments instantly.

เข้าสู่เว็บไซต์แล้ว คลิกที่ Sign Up Today! เพื่อสมัครสมาชิก ก็จะมีให้เลือกสมัครสมาชิกแบบต่างๆมี Personal สำหรับซื้อของ online แต่ไม่สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ ไม่แนะนำครับ เพราะไม่สะดวกแล้วก็จะมี แบบ Premier และแบบ Business แบบ Business จะอยู่ในรูปแบบบริษัทแนะนำให้สมัคร แบบ Premier เพราะจะสามารถรับเงินได้ไม่จำกัด และสามารถใช้ใน การซื้อขายสินค้า ที่ eBay ได้ และสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อย่างสะดวก



เลือกประเทศ Thailand ขั้นตอนต่อไป กรอก e-mail แล้วตั้ง Password แล้ว กรอกยืนยันพาสเวิร์ดนั้นอีกครั้ง (Re-enter password) อย่าลืมกรอกเป็นภาษาอังกฤษนะครับFirst name กรอกชื่อMiddle name ชื่อกลางครับ คนไทยไม่มี ก็ ขีด -Last name นามสกุลDate of Birth วันเดือนปีเกิดNationlity สัญชาติ ไทย (Thailand)Address Line 1 ถ้ากรอกแล้วไม่พอ ก็มากรอก บรรทัดใหม่ที่ Address Line 2

City อำเภอState / Province / Region จังหวัดPostal Code รหัสไปรษณีย์Phone number เบอร์โทรศัพท์ ถ้าประเทศไทยให้กรอก 66 นำหน้า แล้วตัดเลข 0 ตัวหน้าออกเช่น เบอร์ 089-1234567 ก็กรอกเป็น 66891234567 ..สำหรับเบอร์โทรนี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเค้าจะไม่โทรมา ใช้ในกรณีที่เราโดน แฮกเงินใน paypal หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราเสียหาย เพื่อยืนยันว่าเราเสียหายจริง ทางออกสุดท้ายคือการตรวจสอบทางโทรศัพท์ครับ Link my credit card so I can Start Shopping right awayเชื่อมเครดิตการ์ด เพื่อเราจะใช้ paypal แทนเครดิตการในการใช้จ่าย หรือรับเงินทางเน็ตได้เลยครับCredit card number กรอกหมายเลขบัตรเครดิต ถ้าใช้บัตรเว็บการ์ด ก็กรอก หมายเลขบัตรเว็บการ์ด บัตรเว็บการ์ดจะเป็นเหมือนบัตรเครดิต VISAExpiration date วันหมดอายุบัตรCSC กรอกเลข 3 ตัวของบัตร หรือเลข CVV เป็นอันเสร็จขั้นตอน ก็คลิกที่ I agree , Create my account

ให้เราเข้าไปเช็ค e-mail ของเราก่อน เพื่อคลิกยืนยันการสมัคร Paypal ให้เสร็จก่อนก็จะมีลิ้งค์ Activate account ให้คลิก เมื่อคลิกแล้ว ระบบก็จะให้ใส่ password ที่ตั้งขึ้นตอนสมัครแล้วกดยืนยัน พอยืนยันแล้วก็กด continueก็จะไปที่หน้า บัญชี Paypalโดยในบัญชี จะยังบอกว่าเราเป็น Unverifiedก็ให้เราคลิกที่เมนูซ้าย ที่เขียนว่า Enroll in Expanded Use เพื่อยืนยันบัตรเครดิตการยืนยันบัตรเครดิต ระบบจะหักเงินจากบัตร $1.95 หรือประมาณ 70 บาทครับ(และระบบจะคืนเงิน $1.95 ให้ เมื่อเราทำการสั่งจ่ายเงินออกจาก Paypal ครั้งแรก) คลิก Get number แล้วก็ Continueก็เป็นอันเสร็จ เราก็รอดูรายการการใช้บัตรเครดิต ที่จะรายงานสรุปยอดสำหรับบัตรเว็บการ์ด ก็ให้รอประมาณ 4 วัน เมื่อ login เข้า เว็บ kasikornbank เพื่อดูยอดบัญชี บัตรเว็บการ์ดแล้วดูในส่วนการใช้บัตร จะมีแจ้ง เลข 4 ตัว ****PAYPAL ตามด้วย paypalเป็นการแจ้งว่า เราได้ใช้จ่าย รายการนี้ โดยมีรหัส 4 ตัวเราก็นำเลข 4 ตัว ในการยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ ไม่ได้นำบัตรใครมาแอบอ้าง...ก็ให้เรา login เข้า Paypal ดูที่เมนูด้านซ้าย คลิกเข้าไปที่ Complete Expanded Use Enrollmentเพื่อเข้าไปกรอกยืนยัน แล้ว Submit สถานะของบัญชีเราก็จะเป็น Verifiedเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ในการสมัคร

ID ของ Paypal กรณีเราทำเงินจากที่ต่างๆ แล้วจ่ายทาง PaypalID คือ E-mail ที่เราใช้สมัคร Paypal นะครับ แต่ถ้าหลังจากสมัคร เราเปลี่ยน e-mail ในการ login เข้า Paypal ก็ใช้ e-mail ล่าสุดในการ login เข้า Paypal เป็น ID ในการรับรายได้ต่างๆ

ให้เราเข้าไปเช็ค e-mail ของเราก่อน เพื่อคลิกยืนยันการสมัคร Paypal ให้เสร็จก่อนก็จะมีลิ้งค์ Activate account ให้คลิก เมื่อคลิกแล้ว ระบบก็จะให้ใส่ password ที่ตั้งขึ้นตอนสมัครแล้วกดยืนยัน พอยืนยันแล้วก็กด continueก็จะไปที่หน้า บัญชี Paypalโดยในบัญชี จะยังบอกว่าเราเป็น Unverifiedก็ให้เราคลิกที่เมนูซ้าย ที่เขียนว่า Enroll in Expanded Use เพื่อยืนยันบัตรเครดิตการยืนยันบัตรเครดิต ระบบจะหักเงินจากบัตร $1.95 หรือประมาณ 70 บาทครับ(และระบบจะคืนเงิน $1.95 ให้ เมื่อเราทำการสั่งจ่ายเงินออกจาก Paypal ครั้งแรก) คลิก Get number แล้วก็ Continueก็เป็นอันเสร็จ เราก็รอดูรายการการใช้บัตรเครดิต ที่จะรายงานสรุปยอดสำหรับบัตรเว็บการ์ด ก็ให้รอประมาณ 4 วัน เมื่อ login เข้า เว็บ kasikornbank เพื่อดูยอดบัญชี บัตรเว็บการ์ดแล้วดูในส่วนการใช้บัตร จะมีแจ้ง เลข 4 ตัว ****PAYPAL ตามด้วย paypalเป็นการแจ้งว่า เราได้ใช้จ่าย รายการนี้ โดยมีรหัส 4 ตัวเราก็นำเลข 4 ตัว ในการยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ ไม่ได้นำบัตรใครมาแอบอ้าง...ก็ให้เรา login เข้า Paypal ดูที่เมนูด้านซ้าย คลิกเข้าไปที่ Complete Expanded Use Enrollmentเพื่อเข้าไปกรอกยืนยัน แล้ว Submit สถานะของบัญชีเราก็จะเป็น Verifiedเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ในการสมัคร

ID ของ Paypal กรณีเราทำเงินจากที่ต่างๆ แล้วจ่ายทาง PaypalID คือ E-mail ที่เราใช้สมัคร Paypal นะครับ แต่ถ้าหลังจากสมัคร เราเปลี่ยน e-mail ในการ login เข้า Paypal ก็ใช้ e-mail ล่าสุดในการ login เข้า Paypal เป็น ID ในการรับรายได้ต่างๆ

PayPal คือ อะไร?

Paypal เป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่มีคนนิยมใช้ที่สุดในโลก โดยถ้าเพื่อนๆ จะซื้อหรือขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์กับคนทั้งโลก จะต้องสมัครเป็นสมาชิกของ PayPal ที่เป็นเช่นนี้เพราะ หากเราใช้ธนาคารแบบธรรมดา ก็จะซื้อหรือขายสินค้าได้เฉพาะในเมืองไทย ดังนั้น PayPal จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมทางการเงินแบบสากลนั่นเอง

หากใครที่อยากขายสินค้าบนอีเบย์ ก็ต้องมี PayPal สำหรับวิธีการสมัคร คุณจะต้องมีบัตรเครดิตก่อน จากนั้นก็เข้าไปลงทะเบียนสมัคร PayPal จากนั้นให้ยืนยันอีเมล์ที่ได้สมัครไว้ (แนะนำใช้ Gmail จะดีที่สุดในการสมัครครั้งแรก) หลังจากนั้นระบบจะตัดเงินจากบัตรเครดิตจำนวน $1.95 เพื่อทดสอบว่าบัตรเครดิตที่เรากรอกไปนั้นใช้งานได้จริง โดยจะคืนเงินให้เรา เมื่อมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น

ทาง Paypal นั้นได้กำหนดกฎไว้ในการเสียค่าธรรมเนียมดังนี้ ในกรณีสมัครแบบ Premium และ Business ทุกครั้งที่มีการรับเงินจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ PayPal กรณีรับเงินภายในประเทศด้วยกัน จะเสียค่าธรรมเนียม 3.4% + $0.30 โดยทุก $100 ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ PayPal จำนวน $3.70 หากรับเงินจากนอกประเทศ จะเสียค่าธรรมเนียม 3.9% + $0.30 โดยทุก $100 ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ PayPal จำนวน $4.12

PayPal นอกจากจะใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เนตแล้ว ยังเป็นช่องทางการโอนเงินจากการทำธุรกิจออนไลน์อีกหลายอย่าง ดังนั้นผู้ที่สนใจการทำธุรกิจออนไลน์จึงควรมีบัญชีPayPalไว้รับโอนเงิน

ข้อห้ามต่าง ๆ ของ Google Adsense

เมื่อคุณทำ Google AdSense ขอแนะนำนะครับว่าห้ามโกง หรือทำผิดกฎของ Google โดยเข็ดขาดเพราะนั่นคือเว็บของคุณจะไม่สามารถสมัคร Google AdSense ได้อีกเลย รวมถึงตัว คุณดองด้วย และถ้าเห็นใครทำผิดกฎของ Google ก็ให้อีเมล์ไปแจ้งเจ้าของเว็บไซต์นั้น ๆ เพราะเห็นมีหลายท่านบอกว่า ถ้าประเทศใดโกง Google AdSens มาก ๆ เดี๋ยว Google จะ แบนทั้งประเทศ (อันนี้ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน) ถ้าอีเมล์ไปแจ้งแล้วยังไม่เชื่อ ก็แจ้ง Google เลยครับ (อันนี้โหดไปปล่า)

ข้อห้ามต่าง ๆ ของ Google? ห้ามทำการดัดแปลง Code ได้มาอย่างไรก็ใส่เข้าไปในเว็บของคุณแบบนั้น ห้ามทำการเปลี่ยนโดยเข็ดขาด

? ห้ามคลิกโฆษณาของตัวเอง หรือให้เพื่อน ๆ ช่วยคลิก หรือทำในลักษณะ ร่วมด้วยช่วยกันคลิก? ห้ามเขียนคำเชิญชวนให้คลิก หรือเขียนหลอกผู้ใช้เพื่อให้คลิก ตัวอย่างเช่น "ช่วยคลิกเพื่อสนับสนุเว็บเรา" ให้ใช้ได้แค่ "sponsored links" หรือ "advertisements." เท่านั้น? เมื่อคลิกโฆษณา Google AdSense จะต้องไม่เปิดหน้าใหม่ขึ้นมา (_blank)
? ทำเนื้อหาอย่างเดี่ยว แล้ว Copy ออกมาเป็นหลาย ๆ หน้า
? ห้ามวาง Google AdSense ในหน้าที่มีการ Download พวก MP3 , Clip Video , News Group ต่าง ๆ หรือหน้าเว็บเปล่า ๆ ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรเลย
? ห้ามวาง Google AdSense ไปในเมล์ลิส ที่ส่งไปหาสมาชิกเว็บไซต์ของคุณ
? ห้ามวาง Google Adsense ในหน้าที่ทำขึ้นมาเพื่อ เฉพาะเจาะจงเที่จะให้แสดง Google Adsense
? ห้ามวาง Google AdSense ที่ Pop Up
? ห้ามใช้ Soft Ware เพื่อบังคับให้คลิกโดยอัตโนมัติ
? ห้ามใช้ Soft Ware เพื่อทำการโปรโมทเว็บของคุณ เช่น Web Promotor
? เคารพเครื่องหมายการค้าของ Google อย่าเอาแบนเนอร์ หรือโลโก้ ของ Google มาใช้โดยเด็ดขาด (ขนาดผมจะตั้งชื่อโดเมนเนมว่า thaigoogleadsense.com ยังไม่ได้เลยครับ อันนี้ผมอี เมล์ไปถามมา)
? องค์ประกอบของเว็บเพจจะต้องไม่ไปบดบังคลุมเคลือ Google AdSense และสีโฆษณา จะต้องเป็นสีเดียวกับองค์ประกอบของเว็บเพจแม้กระทั่งตัวหนังสือและตัวอักษรจะต้องมอง เห็น
? ถ้ามีอีเมล์ของ Google มาหา หรือเตือนอะไร ๆ บางอย่างในสิ่งที่คุณทำผิด ให้รีบตอบอีเมล์นั้นทันที
? ห้ามวางรูปไว้ใกล้ Ads เพื่อหลอกให้ผู้เข้าชมเว็บหลงคลิก คิดว่าเป็นเนื้อหาของรูปนั้น ๆ (อันนี้เป็นกฎใหม่ครับ)

นี่คือข้อห้ามของการทำ Google AdSense ให้ปฎิบัติอย่างเคร่งคัดนะครับจะได้ไม่โดนแบน แต่สำหรับการทำเว็บไซต์ผมทำด้วยใจครับ ไม่ได้หวังว่าจะได้น้อยได้มาก เท่าไร เพราะเมื่อ ก่อนไม่มี Google AdSense ผมก็ทำมาตลอด ทำด้วยใจรักนะครับ พอดีมี Google AdSense ก็ดีพอมีค่าใช้จ่ายในการทำเว็บบ้าง ไม่ต้องควักกระเป๋าของตัวเอง พึงระลึกไว้เสมอว่า การให้คือสิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก อย่าคิดแต่ได้ฝ่ายเดียว ($) ถ้าคุณรู้จักให้กับท่านอื่น ๆ รับรองได้ว่าผลตอบแทนก็จะกลับมาหาคุณ อย่างแน่นอน

ที่มา www.naitam.com

FLIXYA สร้างรายได้กับ Google Adsense

ทางลัดในการสร้างเว็บไซต์ แบบไดอารี่ ออนไลน์ กับ Flixya.com สร้างรายได้ กับ Google AdSense
FLIXYA.com คือ เว็บไซต์ที่เปิดให้บริการเกี่ยวกับ Blog Service ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างๆ จากแห่งอื่นๆ ที่สำหรับเขียนบทความ เท่านั้น แต่ที่ FLIXYA แห่งนี้ มีจุดเด่น เช่น นสามารถแชร์วีดีโอคลิป, แชร์รูปภาพ และที่สำคัญคือ สามารถใส่ Code โฆษณา Google AdSense ของเพื่อนๆ ได้เลย เพียงแค่ใส่ Pub-ID ลงไปเท่านั้น โฆษณาก็จะขึ้นทุกหน้าบล๊อก ซึ่งทำให้เพื่อนๆ สามารถสร้างรายได้จากการใช้งาน Blog ของที่นี่ และมีรายได้จาก Google AdSense ได้อีกด้วย และยังสามารถใช้งานได้ง่ายอีกด้วย..
และสำหรับเพื่อนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับ Google AdSense ก็สามารถผ่านเว็บไซต์แห่งนี้ ก็ได้เช่นกัน.. แต่ถ้าเพื่อนที่สมัคร Google AdSense ไปแล้วก็สามารถกับ FLIXYA ได้เช่นกัน..

วิธีสมัคร FLIXYA.com( Sign Up !!!)

กรอกรายละเอียดการสมัคร- Username : ชื่อผู้ใช้ จะเป็นชื่อ Blog ของคุณด้วย- Email : อีเมล์- Password : รหัสผ่าน สำหรับเวลา Login- Comfirm Password : กรอกรหัสผ่านอีกครั้ง- First Name : ชื่อจริง- Last Name : นามสกุล- Enter text above : กรอกตัวอักษรและตัวเลขตามที่เห็นในภาพ
เมื่อกรอกเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่.. Start Now!
ในหน้านี้ให้คลิกที่ลิงค์.. [no thanks]


ในหน้านี้ ทางเว็บไซต์ให้คุณชวนเพื่อนมาสมัครทำ blog กับที่นี่ จะใส่หรือ ไม่ใส่ก็ได้ แล้วให้คลิกที่ปุ่ม next

แล้วคลิกลิงค์สำหรับยืนยันการสมัคร จากในอีเมล์ที่ทาง Flixya ส่งมา แล้วก็จะมาที่หน้านี้ ที่บอกว่า บัญชีสมาชิกได้รับการยืนยันเรียบร้อยแล้ว

ขอขอบคุณ thaiadsense.info

เริ่มต้นหาเงินกับGoogle Adsense: Step3 การติดโค้ดAdsense

อันดับแรกให้ Login เข้า Google AdSense ก่อนที่ https://www.google.com/adsense เมื่อ Login เข้า Google AdSense เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ การติดตั้งค่าAdsense >>> รับโฆษณา
ที่ใช้หลักๆจะเป็น

**AdSense for content
การนำโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเว็บไซต์ของคุณไปติด (Contextual Advertising)
สำหรับ AdSense for content มีตัวเลือก 2 ตัวย่อย คือ
- Ad unit : โฆษณาที่มีทั้งข้อความ และ รูปภาพ โดยโฆษณานั้นจะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเว็บไซต์ของคุณ
- Link unit : โฆษณาที่มีลักษณะเหมือนลิงค์ โดยโฆษณานั้นจะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเว็บไซต์ของคุณ เช่นกัน

** AdSense for search
การนำช่องค้นหา (Search Box) ไปติดไว้ที่เว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาเว็บไซต์ได้ทั่วโลก หรือจะค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นก็ได้ และเช่นกัน คุณยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของช่องค้นหาให้มีความเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างไม่ยาก คุณจะได้รายได้จากการคลิกเว็บไซต์ที่ อยู่ในตำแหน่งสปอนเซอร์ ของผลการค้นหาที่แสดงออกมาจากการค้นหา

หมายเหตุ สำหรับ Site language ให้เลือกเป็นภาษา English , Your site encoding ให้เลือก Unicode (UTF-8)

!!!ห้ามเปลี่ยนแปลงรหัสโค้ดที่ได้มา เด็ดขาด อาจทำให้GoogleยกเลิกบัญชีAdsenseของเราไปเลย!!!

เริ่มต้นหาเงินกับGoogle Adsense: Step2 สมัครAdsense

การที่จะได้มาซึ่ง URL ที่ใช้สมัคร Google Adsense ทำได้ดังนี้

1. จดโดเมน+เช่าโฮสติ้ง

วิธีนี้มีค่าใช้จ่าย สำหรับค่าจดโดเมน และค่าเช่าโฮส แต่ก็มีเว็บไซต์ที่ให้บริการจดโดเมนฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนโฮสฟรีก็มีให้เลือกใช้ เช่น http://www.awardspace.com/

2. สมัครBlogที่สามารถวางโค้ดHTML/JAVAได้

ซึ่งแนะนำให้สมัครของBlogger ซึ่งเป็นของGoogle เพราะจะได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น และยังมีเครื่องมือในการสร้างบล็อคให้พร้อม การสมัครก็ใช้Gmailในการสมัคร 1 อีเมล์ ทำได้หลายบล็อค แนะนำ!! ควรทยอยอัพเนื้อหาวันละ1-2เรื่อง ให้มีเนื้อหาพอประมาณ แล้วค่อยใช้สมัคร

3. สมัคร Flixya (รายละเอียดการสมัครFlixya)

Flixya เป็นเว็บพันธมิตรของGoogle เป็นรูปแบบSocial Network เราสามารถอัพโหลดไฟล์ภาพ วีดีโอ หรือเอกสาร เนื้อที่ไม่จำกัด แถมยังได้ส่วนเงินเมื่อมีคนคลิ๊กโฆษณา เสมือนว่าเป็นหน้าเว็บเพจของเราเอง เพียงแค่เราอัพโหลดContentsที่น่าสนใจ และหาเพื่อนเยอะๆ เราสามารถ สมัครAdsense ผ่านทางFlixya พร้อมๆกับที่สมัครFlixya ถ้าเราสมัครผ่านทางนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสมัครอีกที 1คนต่อ1บัญชีเท่านั้น

สมัคร Google Adsense

ข้อมูลที่ต้องกรอกในการสมัคร

Website URL: [?] ใส่ชื่อเว็บของคุณ ตัวอย่างเช่น http://www.ezy-moneyonline.blogspot.com/

Website language: เลือกภาษา

Account type: [?] เลือกประเภทของเว็บคุณ ว่าเป็นเว็บส่วนตัว หรือเว็บเกี่ยวกับธุรกิจCountry or territory: เลือกประเทศ ในที่นี้เลือกประเทศไทย

Payee name (full name): ใส่ชื่อผู้รับเงิน

Address line 1: , Address line 2 (optional): ใส่ที่อยู่

City: แขวง/ตำบล

State, province or region: จังหวัด

Zip or postal code: รหัสไปรณีย์

Phone: เบอร์โทรศัพท์ เช่น 02-1234567 ก็ให้กรอก 6621234567

Fax (optional): เบอร์ Fax

Email preference: ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกครับ (อันนี้ Google จะส่งข้อมูลข่าวสาร รวมถึงทิปต่าง ๆ มาให้)

roduct(s): [?] ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกทั้ง 2 อันเลย ทั้ง AdSense for Content และ AdSense for Search Policies ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกทั้งหมดเลย อันนี้เป็นข้อตกลงของ Google เช่น จะไม่คลิกโฆษณาบนเว็บของตัวเอง หรือให้คนอื่นคลิก ,ไม่โฆษณาในเว็บที่ไม่เหมะสม ลามกอนาจาร เป็นต้นEmail address: ใส่อีเมล์ของคุณPassword: ใส่รหัสผ่าน (7 ตัว หรือมากกว่านั้น)Re-enter password: ใส่ รหัสผ่าน ซ้ำอีกครั้ง

** หมายเหตุ ข้อมูลของคุณต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

การอนุมัติบัญชีGoogle Adsenseใช้เวลาประมาณ2-3วัน ซึ่งจะมีการแจ้งมาให้ทราบทางอีเมล์ที่เราใช้สมัครไป

***เว็บไซต์ที่ Google ห้ามไม่ให้สมัคร
• ความรุนแรงต่อต้านบุคอื่นกลุ่มหรือองค์กร
• Hacking
• Spam Keyword
• เว็บไซต์การพนัน
• โฆษณาทำเพื่อโฆษณาเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเนื้อหาอย่างอื่นเลย
• เนื้อหาที่ผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
• สิ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้ บุคคลที่สามมาแสวงหาผลประโยชน์
• อาวุธสงคราม
• ขายเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์
• บุหรี่
• การปลอมแปลงสินค้า
• เวปที่โกหกหลอกหลวง
• เว็บลามกอนาจาร

เริ่มต้นหาเงินกับGoogle Adsense: Step1 หาไอเดีย

การจะเริ่มต้นหาเงินกับธุรกิจ Google Adsense

1.ควรจะมีอีเมล์ของGmail ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการฟรีๆของทางGoogle (สมัครGmail)

2.ต้องมีเว็บไซต์(Website)หรือเว็บเพจ(Webpage)ที่เอาไว้แปะโฆษณาของGoogle และใช้URL ของเว็บไซต์ในการสมัครAdsense

3.และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญมากๆ คือ ต้องกำหนดกรอบความคิดเกี่ยวกับ เนื้อหา(Contents) ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ควรเริ่มจากเรื่องที่เราชอบหรือมีความถนัดมากที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูจากKeywords ที่ใช้ค้นหาจากGoogle ซึ่งจะโชว์ขึ้นมาเวลาที่เรากดหาคำนั้นๆ ซึ่งเมื่อก่อนการกำหนดKeywordsจะค่อนข้างสำคัญมาก แต่เนื่องจากปัจจุบัน Google ได้เปลี่ยนนโยบายในการลงโฆษณาเป็นการโฆษณาตามพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ความสำคัญของKeywordsนั้นลดความสำคัญลงไป แต่ทั้งนี้ก็ควรใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการพิจารณากำหนดเนื้อหาเว็บที่เราจะทำ

Google AdSense คือ อะไร?


Google Adsense คือ บริการหนึ่ง จาก Google.com ที่เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีเว็บไซต์ สามารถสร้างรายได้โดยการนำโฆษณาของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ของเรา ซึ่งจะทำให้เจ้าของเว็บไซต์(Webmaster) หรือผู้เขียนบล็อค(Blogger) สามารถนำโค้ดโฆษณาจากระบบของ Google Adsense มาติดในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้เว็บไซต์ โดยรูปแบบของโฆษณาตัวอักษร,แบนเนอร์และแบบตัวอักษรสลับกับรูปภาพ สามารถกำหนดขนาดและสีของตัวอักษรได้ เพื่อให้เหมาะสมกับหน้าเว็บเพจ

รายได้จะคิดจากจำนวนครั้งที่มีผู้เข้าชมคลิ๊กโฆษณา ซึ่งแต่ละโฆษณาจะมีค่าคลิ๊กต่างกันออกไปตามคีย์เวิร์ด(Keywords) ซึ่งผู้โฆษณาประมูลจ่ายให้กับGoogle ถ้าอุตสาหกรรมไหนมีมูลค่าสูง หรือมีการแข่งขันสูง ก็จะทำให้มีมูลค่าโฆษณาแพงขึ้นนั่นเอง